การสร้างลูกน้อยให้เก่งและแกร่งคือภูมิปัญญาของพ่อแม่ผู้ปกครองในการปลูกปั้นลูก ซึ่งแต่ละครอบครัวอาจมีวิธีการหลากหลายที่เหมือนกัน คล้ายกัน หรือต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่า หนึ่งในความหลากหลายนั้นต้องมีปัจจัยร่วมกันคือการเลือกกิจกรรมเสริมที่เหมาะสมให้ลูก
แล้วเราจะรู้ใจลูกได้อย่างไรว่า กิจกรรมเสริมแบบไหนที่ลูกชอบและอยากทำ เรื่องนี้เราต้องให้ความสำคัญ เพราะกิจกรรมเสริมที่เหมาะสมช่วยพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ และเสริมบุคลิกภาพของลูกได้ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ในขณะเดียวกันเราควรให้ลูกมีโอกาสเลือกกิจกรรมเสริมได้ตามความสนใจและความถนัด เพื่อให้ลูกมีความสุขจากการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองในอนาคต เป็นการขับเคลื่อนสองทางทั้งจากทางฝั่งเราและทางฝั่งลูก โดยให้สอดคล้องกับเวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันของเราและของลูกด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและความเหนื่อยล้าของทั้งสองฝ่าย แล้วจะมีวิธีเลือกกิจกรรมให้ลูกอย่างไร ลองมาดูกันค่ะ
เราเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด การพูดคุยกับลูกในเรื่องกิจกรรมเสริมที่เราจะจัดให้ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพื่อเราจะได้รู้ถึงความสนใจและความเข้าใจของลูกอย่างชัดเจน และในขณะที่ลูกเข้าร่วมกิจกรรม ให้สังเกตพฤติกรรมและสภาพอารมณ์ของลูก หากลูกสนองตอบ และแสดงออกอย่างกระตือรือร้น มีความสุข สนุกสนาน แสดงว่ากิจกรรมนั้นผ่านและสามารถไปต่อได้ หรือหากลูกไม่ชอบ ก็ให้ถามถึงเหตุผลที่ไม่ชอบ และมีกิจกรรมใดที่ลูกชอบมากไปกว่านั้น ให้โอกาสลูกได้เลือกและลองทำกิจกรรมที่หลากหลายต่างกันไป เพื่อดูว่าลูกมีความสุข สนุก และมีพลังกับกิจกรรมใดมากที่สุด เช่น ลูกอาจชอบการร้องเพลงมากกว่าการเล่นกีฬา หากลูกได้ทำสิ่งที่ลูกชอบ ลูกจะทำได้ดี และเนื่องจากลูกยังเล็กอยู่ ความชอบของลูกอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวัยและช่วงเวลา ฉะนั้นเราควรทดลองให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรมเสริมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดูความชอบและความสนใจของลูกในแต่ละกิจกรรมไปเรื่อย ๆ และอาจต้องปรับเปลี่ยนกิจกรรมเสริมให้เหมาะสมหากลูกต้องการ เพื่อหลีกเลี่ยงความจำเจ และพัฒนาทักษะได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
กิจกรรมเสริมที่เราควรเลือกให้ลูกน้อยประถมวัยมีหลายประเภทที่เน้นทักษะด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย เราควรมุ่งเป้าที่การเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกาย ด้วยการให้ลูกเข้ากลุ่มนักกีฬาตัวน้อยและเรียนรู้กีฬาที่ลูกต้องการเล่น ได้แก่ เล่นฟุตบอล ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค หรือให้ลูกมีเวลาได้ขี่จักรยานเล่นกับเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียน หรือในวันหยุดตามสวนสาธารณะ ส่วนการเรียนดนตรีโดยให้ลูกเลือกอุปกรณ์การเรียนตามที่ตนเองชอบ เช่น เปียโน กีตาร์ กลอง ฯลฯ และการเรียนร้องเพลง การเต้นบัลเลต์ การรำไทย ช่วยพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคมได้ ช่วยให้ลูกรักศิลปะด้านการร้องเล่นเต้นรำ มีความสุข มีพลังชีวิต มีความเข้มแข็งทางจิตใจ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
การเล่นเกมประเทืองปัญญาหรือบอร์ดเกม ทำให้ลูกพัฒนาการคิดสร้างสรรค์ เป็นคนช่างสังเกต และฝึกการแก้ปัญหา เช่น เกมจับคู่เหมือน การเล่นตัวต่อเลโก้หรือหุ่นยนต์ การสร้างโมเดลหรือต้นแบบ ส่วนเกมเล่นคำหรือเกมต่อตัวอักษรจะช่วยลูกพัฒนาทักษะทางด้านภาษาเป็นอย่างดี ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศที่ลูกสนใจ การดูภาพยนตร์การ์ตูนสนุก ๆ ที่เด็กทั้งโลกชอบ ช่วยให้ลูกมีเรื่องราวพูดคุยกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน บันเทิงอารมณ์ การเข้าค่ายเรียนคอมพิวเตอร์ หรือค่ายเรียนรู้เรื่องภาษาหรือกิจกรรมอื่น ช่วยให้ลูกพัฒนาการเรียนรู้ การปรับตัวให้เข้ากับสังคม และการทำงานเป็นกลุ่มร่วมกับผู้อื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ลูกในโลกแห่งความเป็นจริง นอกเหนือไปจากการเรียนรู้ในโลกเสมือนจริง การเข้าค่ายฝึกธรรมะ ช่วยให้ลูกจิตใจอ่อนโยน เป็นคนดี มีคุณธรรม ได้เรียนรู้และเข้าใจจิตใจ อารมณ์ และธรรมชาติของตนเอง เพื่อฝึกการควบคุมอารมณ์ในภาวะต่าง ๆ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะรู้จักเรื่องความดีความชั่ว และการมีเหตุผลในทุกการกระทำ
การอ่านทำให้ลูกฉลาด รอบรู้ รู้จักเลือก คิดเองเป็น ทำเองเป็น ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง มิใช่แค่ด้วยคำบอกเล่าของผู้อื่น ลูกจะเป็น Smart Kid พัฒนาความคิดได้กว้างไกล ทันโลกในยุคไซเบอร์ เราจึงควรพาลูกเยี่ยมชมหอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดชุมชน เพื่อทำความคุ้นเคยกับหนังสือซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลมหาศาล เที่ยวงานมหกรรมหนังสือ ซื้อและอ่านหนังสือดีมีคุณค่าราคาย่อมเยาในงาน หากพื้นที่ในบ้านมีเพียงพอ ชวนลูกสร้างห้องสมุดในบ้าน มีมุมอ่านหนังสือที่น่ารื่นรมย์ อนุญาตให้ลูกชวนเพื่อนมาเพลิดเพลินกับหนังสือการ์ตูน หนังสือนิทานแสนสนุก มาดูวีดิโอเสริมความรู้ด้วยกันที่บ้าน แถมด้วยขนมแสนอร่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเด็ก ๆ การวาดรูปช่วยให้ลูกมีการแสดงออกของความคิดผ่านรูปวาด เป็นการพัฒนาความคิดอย่างสร้างสรรค์และเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ชีวิต
วันหยุดเราควรพาลูกไปทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่าง ๆ เป็นการเปิดโลกทัศน์กว้างไกลให้ลูก ชวนลูกพูดคุยให้ความรู้กับลูก เช่น ไปพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาสติปัญญา ไปนับดาวที่ท้องฟ้าจำลองและส่งเสริมศักยภาพทางคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เที่ยวชมสวนสัตว์ศึกษาชีวิตสัตว์ ได้เห็นสัตว์ตัวเป็น ๆ และความเป็นอยู่ตามธรรมชาติของมัน
ทุกกิจกรรมเสริมที่เราคิดสรรหามาเพื่อลูก เราต้องจัดให้ได้อย่างลงตัวและสัมพันธ์กับกิจวัตรของลูก เพื่อลูกจะได้มีเวลาพักผ่อนและสนุกสนานตามวัย มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ด้วยตนเอง มิใช่การถูกบังคับให้เรียนตามความต้องการของเรา ทั้งนี้เพื่อให้กิจกรรมเสริมเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความหมาย มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อลูกให้ลูกเก่งและแกร่งอย่างแท้จริง
ณัณท์